
เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กบอกว่าโตขึ้นอยากเป็น “กะหรี่”..มันมีนัย
ตุ๊บปอง
เรื่องเก่า..เล่าใหม่
ครั้งหนึ่ง..
เมื่อสัก 10 กว่าปีก่อนไปเยี่ยมเด็ก ๆ ที่จังหวัดหนึ่ง เจอเหตุการณ์ที่ทำให้อึ้ง ต่อเมื่อคิดแล้วจึงเข้าใจสัจจะจากคำที่เด็กผู้หญิงวัย 5 ปีคนหนึ่งได้แสดงความเห็นเป็นสัญญาณให้ตระหนัก
เข้าไปในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งในชนบทที่ดูยังไง ๆ ก็ขาดแคลนและแสนจะด้อยโอกาส
พบเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ เกร็ง ๆ แกร็น ๆ คนหนึ่ง ความแก่นของหล่อนขนาดที่สามารถกระโดดถีบเด็กผู้ชายที่ตัวโตกว่าในฐานที่มาล้อว่า..
“อีดำ..อีปรื๊ด อีพยาธิตัวตืด อีมืด อีดำ”
(คำตามนี้ แต่ตุ๊บปองเอามาร้อยเรียงใหม่ให้คล้องจองกัน เพื่อเพิ่มอรรถรสและงดงามในการล้อ)
เกิดต้องชะตา จึงเดินเข้าไปคุยด้วย
“ชื่ออะไรลูก”
เด็กหญิงคนนั้นจ้องหน้า แล้วถามกลับจนคนถามแทบกราบ
“อ๋อ..มึงอยากรู้จักชื่อกูใช่ไหมวะ”
เลยตอบไปว่า..
“เออ..กูอยากรู้จักชื่อมึงนั่นแหละ”
หล่อนหัวเราะแล้วบอกว่า..
“ชื่ออีนุ่น”
ได้คุยกับอีนุ่น จนรู้พื้นเพ รู้ความคิด รู้จักชีวิตอีนุ่นมากขึ้น ได้ลงไปเยี่ยมถึงบ้านของอีนุ่น ไปพบแม่ ตา ยายและป้าจนรู้จักรักใคร่ และก็เห็นว่าทุกคนก็ครือ ๆ กัน พูดจามึงมาพาโวย เหมือนอย่างที่อีนุ่น Copy มาเป๊ะ ๆ เลยนั่นแหละ
เป็นคนไม่ถือเรื่องอย่างนี้นะ..
ยอมรับเด็กและทุกคนได้ไม่ยาก เพราะเมื่อเด็กมีทุนชีวิตมาอย่างนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างนี้ แล้วบอกครูว่าให้เวลาในการใส่สิ่งใหม่ที่ดี แทนที่สิ่งที่ขัดหูขัดตาทีละน้อย จนวันหนึ่ง มีสิ่งดีมากกว่าสิ่งไม่ดี..ก็ถือว่าดีแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนไปทั้งหมดหรอก
เจอกันครั้งต่อ ๆ มา ก็สอนอีนุ่นว่า..
“พูดอย่างนี้ในบ้านได้ แต่ไปพูดที่อื่นต้องพูดให้สุภาพอย่างที่ลุงตุ๊บปองพูดนะ”
อีนุ่นเถียงว่า..
“ใครก็ก็พูดอย่างนี้กันทั้งนั้น ครูใหญ่ก็พูดมึงกูกะครู”
จบข่าวภูธร
แต่พอพบกันบ่อยเข้า พูดคุยกันบ่อยขึ้น สอนอะไรอีนุ่นก็ฟัง สั่งอะไรอีนุ่นก็ปฏิบัติ จนอีนุ่นเรียนรู้ เข้าใจ และปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเริ่มใช้คำแทนตัวเองว่า “หนู” กับครูและผู้ใหญ่ และใช้ “เอ็ง- ข้า” กับเพื่อน
วันหนึ่งคุย ๆ กันไปก็ถามอีนุ่นว่า..
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร”
คำตอบของอีนุ่นทำเอาลุงตุ๊บปองผงะ..
“อยากเป็นกะหรี่เหมือนแม่อีเจี๊ยบ”
จัดความรู้สึกอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ทำท่าตกใจ
“ทำไมละลูก”
“แม่อีเจี๊ยบหน้าตาซ้วยสวย แต่งตัวก็ซ้วยสวย ตัวก็ฮ้อมหอม ใจดีด้วย ให้อีเจี๊ยบเอาขนมมาแบ่งให้เพื่อนบ่อย ๆ..อร่อยมาก”
นุ่นบอกว่าไม่อยากขายไก่ทอดเหมือนแม่หรอก ด่าก็เก่ง หน้าก็ด๊ำดำ ตัวก็เม้นเหม็น..เหม็นคาวไก่
สำหรับตุ๊บปองแล้ว..
ไม่เคยปล่อยผ่านสัญญาณที่เด็กส่งมาอย่างนี้เพราะมันมีนัยสำคัญ คือ 2 อาชีพ เป็นอาชีพที่สุจริตเหมือนกัน แต่การให้ค่าต่างกันลิบลับ
แต่อยากถามว่า..
ถ้าเป็นพ่อแม่ แล้วลูกของคุณบอกอย่างนี้..คุณจะทำอย่างไร
ถ้าเป็นครู แล้วศิษย์ของคุณบอกอย่างนี้..คุณจะทำอย่างไร
และถ้าคุณเป็นคนในองค์กรประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา..ถ้าเจอกรณีอย่างนี้คุณจะประเมินเด็กและครูอย่างไร
เพราะ..
- แม่ของอีเจี๊ยบหน้าตาดี แต่งตัวดี เป็นคนดีและเป็นแม่ที่ดี
- แม่ของอีเจี๊ยบก็ประกอบอาชีพสุจริต..ถือว่าดี
แม่ของอีเจี๊ยบจึงเป็นภาพจำที่ดีของลูกและเพื่อน ๆ..แล้วไงล่ะ
เรื่องนี้..
น่าขบคิดนะ
Cr. เพจ ตุ๊ปปอง เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป